..." พาณิชย์” เดินหน้าแก้ยา-ค่ารักษา รพ.เอกชนแพง สั่งติดราคา-ดูโครงสร้างต้นทุน "...
ที่มา :
https://mgronline.com/business/detail/9620000010842
เผยแพร่: 31 ม.ค. 2562 15:07 ปรับปรุง: 31 ม.ค. 2562 18:26 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
__________________________________________________________________________________________
“พาณิชย์” เดินหน้าแก้ปัญหา “ค่ายาและเวชภัณฑ์-บริการทางการแพทย์” โรงพยาบาลเอกชนแพง จ่อออกประกาศ
กกร.สั่งปิดป้ายแสดงราคาให้ผู้บริโภคได้รับรู้ก่อนตัดสินใจใช้บริการ ตั้งคณะทำงานดูโครงสร้างต้นทุนค่ารักษา
ขีดเส้น 60 วัน ก่อนชงคณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการดูแล พร้อมมอบสาธารณสุขประกาศให้ผู้บริโภครับรู้สิทธิ์
ตัวเองในการซื้อยาข้างนอก
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการ
กำกับดูแลยาและเวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ว่า กรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการ
คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำลังจะออกประกาศ กกร. กำหนดให้โรงพยาบาลเอกชน
ปิดป้ายแสดงราคายาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ให้ชัดเจน ซึ่งเป็นมาตรการแรกที่จะนำมาใช้หลังจาก
ได้กำหนดให้เป็นสินค้าและบริการควบคุม คาดว่าจะออกประกาศได้ภายในสัปดาห์หน้า
“ในการปิดป้ายแสดงราคาจะต้องทำให้ดูได้ง่าย อาจทำเป็นสมุดให้ไปเปิดดู หรือเอาไปใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์ ในเว็บไซต์
หรือทำตู้คีออสก์ให้กดดู แต่ไม่ใช่ทำแล้วเอาไปแอบไว้ หรือเอาไปเก็บไว้หลังเคาน์เตอร์ เบื้องต้นในส่วนของยาให้เน้น
รายการที่มีคนใช้เยอะๆ ก่อน อาจจะเริ่มที่ 1,000 รายการ แล้วค่อยขยับเพิ่มขึ้น เพราะยามีเป็นหมื่นรายการ รวมถึง
ค่าบริการทางการแพทย์ที่ต้องแสดงราคาให้ชัดเจนด้วยว่าเป็นค่าอะไรบ้าง ทั้งค่ารักษา และค่าบริการอื่นๆ”
นายบุณยฤทธิ์กล่าว
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า ยังได้แต่งตั้งคณะทำงาน มีนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อพิจารณา
โครงสร้างต้นทุนค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่ง เพราะโรงพยาบาลเอกชนมีระดับต่างกัน
ตั้งแต่ 5 ดาว 4 ดาว ลงมาจนถึง 2-3 ดาว ต้นทุนการประกอบการก็อาจจะไม่เท่ากัน โดยให้เวลาในการพิจารณา
ภายใน 60 วัน และนำให้รายละเอียดที่ได้ทั้งหมดเสนอให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา เพื่อหามาตรการที่เหมาะสม
ในการดูแลต่อไป
ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพไปพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และกำหนดให้โรงพยาบาลเอกชน
ประกาศสิทธิ์ให้ผู้บริโภคเห็นได้ชัดเจนที่จะขอใบสั่งยาและไปซื้อยาข้างนอก ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยแก้ไข
ปัญหายามีราคาแพงลงได้
สำหรับกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ยังมีปัญหาในเรื่องการเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้
ชัดเจนอยู่แล้วว่าผู้ป่วยฉุกเฉินจะสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในทุกโรงพยาบาลใน 72 ชั่วโมงแรก แต่ก็มี
การกำหนดเงื่อนไข ต้องเป็นผู้ป่วยในระดับสีแดงเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยในระดับสีเหลือง หรือสีเขียว ที่มีความเสี่ยงต่อ
การเสียชีวิต ถูกโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งไม่รับรักษา หรือรักษา แต่ยังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงได้มอบหมายให้
กระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ป่วย
นอกจากนี้ ในการรักษาโรค โรงพยาบาลเอกชนจะต้องแจ้งให้ผู้ป่วยทราบก่อนว่าจะได้รับการรักษาอย่างไร มีค่าใช้จ่าย
ขนาดไหน โดยมีการยกตัวอย่างกรณีมีดบาด ผู้ป่วยต้องเสียค่าใช้จ่ายหลักหมื่นบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
หรือกรณีที่เข้าไปรักษาโรคหนึ่ง แต่มีการตรวจสอบพบเจอโรคอื่นเพิ่มเติมก็จะต้องแจ้งรายละเอียดการรักษาและ
ค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนด้วย
" พาณิชย์” เดินหน้าแก้ยา-ค่ารักษา รพ.เอกชนแพง สั่งติดราคา-ดูโครงสร้างต้นทุน " - 31 ม.ค. 2562
ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9620000010842
เผยแพร่: 31 ม.ค. 2562 15:07 ปรับปรุง: 31 ม.ค. 2562 18:26 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
__________________________________________________________________________________________
“พาณิชย์” เดินหน้าแก้ปัญหา “ค่ายาและเวชภัณฑ์-บริการทางการแพทย์” โรงพยาบาลเอกชนแพง จ่อออกประกาศ
กกร.สั่งปิดป้ายแสดงราคาให้ผู้บริโภคได้รับรู้ก่อนตัดสินใจใช้บริการ ตั้งคณะทำงานดูโครงสร้างต้นทุนค่ารักษา
ขีดเส้น 60 วัน ก่อนชงคณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการดูแล พร้อมมอบสาธารณสุขประกาศให้ผู้บริโภครับรู้สิทธิ์
ตัวเองในการซื้อยาข้างนอก
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการ
กำกับดูแลยาและเวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ว่า กรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการ
คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำลังจะออกประกาศ กกร. กำหนดให้โรงพยาบาลเอกชน
ปิดป้ายแสดงราคายาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ให้ชัดเจน ซึ่งเป็นมาตรการแรกที่จะนำมาใช้หลังจาก
ได้กำหนดให้เป็นสินค้าและบริการควบคุม คาดว่าจะออกประกาศได้ภายในสัปดาห์หน้า
“ในการปิดป้ายแสดงราคาจะต้องทำให้ดูได้ง่าย อาจทำเป็นสมุดให้ไปเปิดดู หรือเอาไปใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์ ในเว็บไซต์
หรือทำตู้คีออสก์ให้กดดู แต่ไม่ใช่ทำแล้วเอาไปแอบไว้ หรือเอาไปเก็บไว้หลังเคาน์เตอร์ เบื้องต้นในส่วนของยาให้เน้น
รายการที่มีคนใช้เยอะๆ ก่อน อาจจะเริ่มที่ 1,000 รายการ แล้วค่อยขยับเพิ่มขึ้น เพราะยามีเป็นหมื่นรายการ รวมถึง
ค่าบริการทางการแพทย์ที่ต้องแสดงราคาให้ชัดเจนด้วยว่าเป็นค่าอะไรบ้าง ทั้งค่ารักษา และค่าบริการอื่นๆ”
นายบุณยฤทธิ์กล่าว
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า ยังได้แต่งตั้งคณะทำงาน มีนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อพิจารณา
โครงสร้างต้นทุนค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่ง เพราะโรงพยาบาลเอกชนมีระดับต่างกัน
ตั้งแต่ 5 ดาว 4 ดาว ลงมาจนถึง 2-3 ดาว ต้นทุนการประกอบการก็อาจจะไม่เท่ากัน โดยให้เวลาในการพิจารณา
ภายใน 60 วัน และนำให้รายละเอียดที่ได้ทั้งหมดเสนอให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา เพื่อหามาตรการที่เหมาะสม
ในการดูแลต่อไป
ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพไปพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และกำหนดให้โรงพยาบาลเอกชน
ประกาศสิทธิ์ให้ผู้บริโภคเห็นได้ชัดเจนที่จะขอใบสั่งยาและไปซื้อยาข้างนอก ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยแก้ไข
ปัญหายามีราคาแพงลงได้
สำหรับกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ยังมีปัญหาในเรื่องการเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้
ชัดเจนอยู่แล้วว่าผู้ป่วยฉุกเฉินจะสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในทุกโรงพยาบาลใน 72 ชั่วโมงแรก แต่ก็มี
การกำหนดเงื่อนไข ต้องเป็นผู้ป่วยในระดับสีแดงเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยในระดับสีเหลือง หรือสีเขียว ที่มีความเสี่ยงต่อ
การเสียชีวิต ถูกโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งไม่รับรักษา หรือรักษา แต่ยังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงได้มอบหมายให้
กระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ป่วย
นอกจากนี้ ในการรักษาโรค โรงพยาบาลเอกชนจะต้องแจ้งให้ผู้ป่วยทราบก่อนว่าจะได้รับการรักษาอย่างไร มีค่าใช้จ่าย
ขนาดไหน โดยมีการยกตัวอย่างกรณีมีดบาด ผู้ป่วยต้องเสียค่าใช้จ่ายหลักหมื่นบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
หรือกรณีที่เข้าไปรักษาโรคหนึ่ง แต่มีการตรวจสอบพบเจอโรคอื่นเพิ่มเติมก็จะต้องแจ้งรายละเอียดการรักษาและ
ค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนด้วย